นั้นนะซิ เป็นคำถามที่ดีครับ ทำไมต้องสลับยางด้วย
ไม่ทำได้เปล่า เสียเวลา
การสลับยาง ช่วยให้ยางสึกหรอสม่ำเสมอเท่ากันทุกๆล้อ
ทำให้อายุการใช้งานของยางยาวนานขึ้นโดยควรสลับยางทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร เพราะการใช้งานรถบนเส้นทางประจำนั้นมีผลทำให้ยางทั้ง 4 อาจมีการสึกหรอไม่เท่ากัน ไม่ว่ารถท่านจะเป็นรถประเภทใดก็ตาม และที่สำคัญ ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับยางอะไหล่มากนัก
ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดมาก เพราะยางอะไหล่มีส่วนช่วยอย่างมากในการยืดระยะเวลาออกไปได้มาก
ทำความเข้าใจอย่างนี้ครับ อายุยางในการใช้งานนั้นมีสองส่วน
คือ อายุจากเวลาและระยะทาง อายุจากเวลา
โรงงานผลิตยางทุกยี่ห้อในโลกกำหนด
เริ่มนับอายุยางจากวันที่ผลิตไปอีก 8 ปีถึงหมดอายุ(หมายถึงไม่ได้ใช้งานเลย..และเก็บรักษาอย่างถูกวิธี)หรือ 4 ปีเมื่อเป็นการเก็บรักษาแบบทั่วไป จากระยะทาง ยาง มีอายุการใช้งานในระยะทางประมาณที่ 40,000 กม นับจากยางใส่ลงล้อ
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ถ้าเราสลับยางแค่ 4 เส้น จะมียาง 1 เส้นที่เราไม่ได้ใช้แล้วมันจะหมดอายุไปตามวันเวลา แต่หากเรานำยางอะไหล่ลงมาสลับด้วยเราจะพบว่า ทุก 5,000 กม จะมียาง 1 เส้นได้พัก
ถ้าเราใช้รถที่ปีละ 20,000 กม. เราก็ต้องเปลี่ยนยางทุก 2 ปี แต่หากเราสลับยางที่ 5 เส้น(รวมยางอะไหล่ด้วย) เราจะเปลี่ยนยยาง ทุก 3 ปี นั่นหมายความว่าเราสามารถยืดอายุยางให้หมดช้าลงได้
สำหรับการถ่วงล้อ ทุกครั้งที่เราสลับล้อ ควรจะต้องถ่วงล้อด้วย โดยทั่วไป ร้านยางจะถ่วงให้เฉพาะล้อคู่หน้าเท่านั้น แต่ผมอยากจะแนะนำให้ถ่วงทั้ง 4 ล้อ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อยก็ตามที เพราะว่า เราไม่สามารถจะคาดการณ์ได้ว่า เมื่อไหร่เราจะพบปัญหา ยางแตก แล้วต้องนำล้ออะไหล่หรือต้องสลับยางล้ออื่นมาไว้แทนล้อหน้าถ้าเราได้ถ่วงล้อไว้แล้วเราก็จะไม่พบอาการของความไม่สมดุลข้อล้อและยาง
จะเป็นการดีกว่า และหากพบว่าในขณะขับขี่ที่ความเร็วใดก็ตาม แล้วมีอาการสั่นเต้นที่พวงมาลัย หรือตัวรถจนเกินปกติ อาจสันนิฐานได้ว่าเกิดจากช่วงล่างของรถมากกว่ากระทะล้อ และยางขาดความสมดุล แต่ทั้งนี้ การสั่นเต้นอาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้อีกมากมายที่เกี่ยวกับช่วงล่าง จึงควรให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัดอีกครั้ง
ส่วนการตั้งศูนย์ล้อนั้น ผู้ใช้รถควรหมั่นสังเกตว่ารถที่ขับอยู่นั้น มีอาการผิดปกติหรือไม่ เช่น มีอาการดึงที่พวงมาลัยไปด้านใดด้านหนึ่ง หรือหน้ายางสึกหรอผิดปกติ หากมีอาการดังกล่าว ควรจะนำรถไปตั้งศูนย์ล้อ เพื่อความปลอดภัยในการบังคับควบคุมรถและยืดอายุการใช้งานของ ยางรถยนต์
ไม่ทำได้เปล่า เสียเวลา
การสลับยาง ช่วยให้ยางสึกหรอสม่ำเสมอเท่ากันทุกๆล้อ
ทำให้อายุการใช้งานของยางยาวนานขึ้นโดยควรสลับยางทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร เพราะการใช้งานรถบนเส้นทางประจำนั้นมีผลทำให้ยางทั้ง 4 อาจมีการสึกหรอไม่เท่ากัน ไม่ว่ารถท่านจะเป็นรถประเภทใดก็ตาม และที่สำคัญ ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับยางอะไหล่มากนัก
ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดมาก เพราะยางอะไหล่มีส่วนช่วยอย่างมากในการยืดระยะเวลาออกไปได้มาก
ทำความเข้าใจอย่างนี้ครับ อายุยางในการใช้งานนั้นมีสองส่วน
คือ อายุจากเวลาและระยะทาง อายุจากเวลา
โรงงานผลิตยางทุกยี่ห้อในโลกกำหนด
เริ่มนับอายุยางจากวันที่ผลิตไปอีก 8 ปีถึงหมดอายุ(หมายถึงไม่ได้ใช้งานเลย..และเก็บรักษาอย่างถูกวิธี)หรือ 4 ปีเมื่อเป็นการเก็บรักษาแบบทั่วไป จากระยะทาง ยาง มีอายุการใช้งานในระยะทางประมาณที่ 40,000 กม นับจากยางใส่ลงล้อ
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ถ้าเราสลับยางแค่ 4 เส้น จะมียาง 1 เส้นที่เราไม่ได้ใช้แล้วมันจะหมดอายุไปตามวันเวลา แต่หากเรานำยางอะไหล่ลงมาสลับด้วยเราจะพบว่า ทุก 5,000 กม จะมียาง 1 เส้นได้พัก
ถ้าเราใช้รถที่ปีละ 20,000 กม. เราก็ต้องเปลี่ยนยางทุก 2 ปี แต่หากเราสลับยางที่ 5 เส้น(รวมยางอะไหล่ด้วย) เราจะเปลี่ยนยยาง ทุก 3 ปี นั่นหมายความว่าเราสามารถยืดอายุยางให้หมดช้าลงได้
สำหรับการถ่วงล้อ ทุกครั้งที่เราสลับล้อ ควรจะต้องถ่วงล้อด้วย โดยทั่วไป ร้านยางจะถ่วงให้เฉพาะล้อคู่หน้าเท่านั้น แต่ผมอยากจะแนะนำให้ถ่วงทั้ง 4 ล้อ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อยก็ตามที เพราะว่า เราไม่สามารถจะคาดการณ์ได้ว่า เมื่อไหร่เราจะพบปัญหา ยางแตก แล้วต้องนำล้ออะไหล่หรือต้องสลับยางล้ออื่นมาไว้แทนล้อหน้าถ้าเราได้ถ่วงล้อไว้แล้วเราก็จะไม่พบอาการของความไม่สมดุลข้อล้อและยาง
จะเป็นการดีกว่า และหากพบว่าในขณะขับขี่ที่ความเร็วใดก็ตาม แล้วมีอาการสั่นเต้นที่พวงมาลัย หรือตัวรถจนเกินปกติ อาจสันนิฐานได้ว่าเกิดจากช่วงล่างของรถมากกว่ากระทะล้อ และยางขาดความสมดุล แต่ทั้งนี้ การสั่นเต้นอาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้อีกมากมายที่เกี่ยวกับช่วงล่าง จึงควรให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัดอีกครั้ง
ส่วนการตั้งศูนย์ล้อนั้น ผู้ใช้รถควรหมั่นสังเกตว่ารถที่ขับอยู่นั้น มีอาการผิดปกติหรือไม่ เช่น มีอาการดึงที่พวงมาลัยไปด้านใดด้านหนึ่ง หรือหน้ายางสึกหรอผิดปกติ หากมีอาการดังกล่าว ควรจะนำรถไปตั้งศูนย์ล้อ เพื่อความปลอดภัยในการบังคับควบคุมรถและยืดอายุการใช้งานของ ยางรถยนต์
ผู้คนส่วนมากจะเข้าใจว่าเมื่อเปลี่ยนยางแล้วจะต้องตั้งศูนย์ล้อ ซึ่งท่านเจ้าของรถควรจะต้องตรวจดูแลศูนย์ล้อให้ดี ตลอดเพราะมีผลกับการขับขี่และบังคับเลี้ยวไม่ว่าจะเปลี่ยนยางหรือไม่ก็ตาม จะเป็นการดี แต่ในความเป็นจริงนั้น ในการเปลี่ยนยางรถไม่ได้เกี่ยวกับศูนย์ล้อของรถเลยแม้แต่น้อย
การเปลี่ยนยางไม่สามารถทำให้ศูนย์ล้อเปลี่ยนไปหรือคลาดเคลื่อน แต่ตรงกันข้ามหากรถท่านมีศูนย์ล้อที่ไม่ดีหรือศูนย์ล้อเสียอยู่ จะมีผลทำให้ยางที่เปลี่ยนไปใหม่เสียหายได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
บอกสิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่